บ้านเกือบทุกหลังส่วนมากมักมีรั้วหรือกำแพงล้อมรอบตัวบ้าน เพื่อป้องกันภัยจากการบุกรุกจากสัตว์ร้ายหรือจากผู้คนที่เราไม่พึงประสงค์ที่จะให้เข้ามา จึงต้องมีการล้อมรั้วหรือกำแพงขึ้น แต่ก็ต้องเหลือทางที่เพื่อเป็นทางเข้าออก คงไม่มีใครปิดล้อมจนไม่เหลือทางเข้าออกเอาไว้หรอกนะครับ มิเช่นนั้นบ้านก็คงจะเหมือนกับคุกมากกว่าจะเป็นบ้านจริงไหมครับ เมื่อมีทางเข้าออก ก็ย่อมต้องมีประตูรั้ว เพราะฉะนั้นประตูรั้วจึงเป็นปราการแรกที่จะนำเราเข้าสู่ตัวบ้าน ความสำคัญของการจัดวางตำแหน่งและทิศทางจึงต้องคำนวณไว้อย่างรอบคอบ
สิ่งที่เราต้องคำนึงในการวางตำแหน่งประตูรั้ว แน่นอนอันดับแรกเรื่องการใช้งานและความสะดวก ไม่ใช่ว่าถนนใหญ่อยู่ด้านหนึ่ง แต่ไปทำประตูอยู่ในซอยเล็กด้านข้างแบบนี้ก็คงไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก เมื่อเลือกได้ด้านที่เราจะทำประตูรั้วแล้ว อันดับที่สองก็ต้องมาดูว่าตำแหน่งที่จะวางประตูรั้วต้องสัมพันธ์กับประตูบ้าน หากประตูรั้วกับประตูบ้านไม่สัมพันธ์กันในทิศทางที่ดี ย่อมส่งผลให้เกิดกระแสพลังที่ไม่สมดุลเกิดขึ้น ซึ่งหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองย่อมไม่ราบรื่น พอเราวางตำแหน่งประตูรั้วแล้ว อันดับที่สามก็ต้องดูว่าทิศทางของประตูดีหรือไม่ สัมพันธ์กับตำแหน่งที่วางหรือเปล่า ลำดับสุดท้ายถึงจะดูว่าจะเป็นประตูแบบไหนในการใช้งานโปร่ง ทึบ หรือครึ่งโปร่งครึ่งทึบ บานเลื่อนหรือแบบเปิดปิด อันนี้แล้วแต่การใช้งานและความชอบ อีกอย่างสุดท้ายจริงๆก็คือสีที่จะใช้ทาประตูรั้วก็ให้เหมาะสมกับทิศทางและกระแสพลังที่เข้ามาก็จะดีมาก
แต่สำหรับบุคคลทั่วไป หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง เราก็รู้ๆกันอยู่ว่าเนื้อที่ไม่มาก ประตูรั้วไม่ซ้ายก็ขวา หรือไม่ก็อยู่หน้าบ้านเลยแบบบ้านทาวเฮาส์ทั่วไป ซึ่งไม่มีสิทธิเลือกว่าจะตั้งประตูรั้วตรงไหนดี ก็ไม่ต้องวิตกเกินไปครับ ขอให้คำนึงถึงการใช้งานที่สะดวก ทางเข้าไม่วกวน รูปแบบประตูไม่พิสดารเกินไป สีสันไม่ฉูดฉาดบาดตา แค่ดูว่าทิศทางหน้าบ้านเป็นทิศอะไร มาพิจารณาว่าจะใช้สีหรืออะไรมาตกแต่งให้เกิดผลดีก็น่าจะพอนะครับ ที่ผมอธิบายมาข้างต้นก็สำหรับบ้านหรือโรงงานที่มีเนื้อที่กว้างขวางเท่านั้นครับ